วิธีป้องกันการอัดเสียง เพื่อแบล็กเมล์” (blackmail)

การป้องกันการถูก “อัดเสียงเพื่อแบล็กเมล์” (blackmail) ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีทำให้ใครก็สามารถแอบบันทึกเสียงได้ง่ายมาก ด้านล่างคือแนวทางการป้องกันทั้งด้านพฤติกรรมและเทคนิค:
🔒 1. ป้องกันด้วยพฤติกรรม
✅ ระมัดระวังคำพูด
- อย่าพูดเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องละเอียดอ่อนในสถานที่ที่มีคนอื่นอยู่ หรืออาจมีอุปกรณ์บันทึก
- หลีกเลี่ยงการพูดประเด็นเสี่ยง เช่น การเมือง, ศาสนา, การนินทา, หรือเรื่องลับ
✅ ไม่ไว้ใจง่าย
- อย่าพูดเรื่องสำคัญกับคนที่ไม่สนิทหรือไม่ไว้วางใจเต็มที่
- ระวังคนที่ชอบชวนคุยเฉพาะในพื้นที่ส่วนตัว เช่น ห้องปิดประตู สนามหญ้า ฯลฯ
✅ ใช้การสื่อสารที่ปลอดภัย
- สื่อสารข้อความสำคัญผ่านข้อความที่บันทึกได้ เช่น อีเมล หรือแอปที่เข้ารหัส (เช่น Signal, Telegram)
- หลีกเลี่ยงการโทรหรือคุยด้วยเสียงในเรื่องอ่อนไหว
🛠️ 2. ป้องกันด้วยเทคนิค
🔍 ตรวจสอบอุปกรณ์แปลกปลอม
- ตรวจดูว่ามีอุปกรณ์แปลกๆ เช่น ปากกา, พาวเวอร์แบงก์, นาฬิกา ที่อาจซ่อนเครื่องอัดเสียงได้หรือไม่
- ใช้เครื่องตรวจสัญญาณ RF (Radio Frequency Detector) เพื่อตรวจหาอุปกรณ์ดักฟัง
📵 เก็บมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- ถ้าเป็นการพูดเรื่องสำคัญ ควรเก็บโทรศัพท์ไว้ไกลตัว หรือในกล่องป้องกันสัญญาณ (Faraday box/pouch)
- ปิดไมโครโฟนหรือถอดแบต (ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่ทำได้)
❗️3. ถ้ารู้ตัวว่าโดนอัดเสียง
- อย่าตื่นตระหนก หากไม่ได้พูดสิ่งผิดกฎหมายหรือมีเจตนาร้าย โอกาสที่เขาจะเอาไปใช้จริงมีน้อย
- หากมีการแบล็กเมล์เกิดขึ้น ให้เก็บหลักฐาน (ข้อความ, โทรศัพท์, บันทึกเสียง) แล้วแจ้งความทันที
💡 เพิ่มเติม:
- ปัจจุบันไทยยังไม่มีกฎหมายที่ห้าม “อัดเสียง” หากคู่สนทนาอยู่ในบทสนทนาด้วย ยกเว้นจะเอาไปเผยแพร่ในลักษณะหมิ่นประมาทหรือแบล็กเมล์ ถือว่าผิด
- ดังนั้น ถ้าคิดว่ามีโอกาสโดนอัดเสียง พูดให้น้อย และคิดก่อนพูดเสมอ